หลักและวิธีตรวจเช็คบำรุงรักษาไฟฉุกเฉิน
ระบบไฟฉุกเฉินแบบ LED ถือเป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าประเภทหนึ่ง ที่มีความจำเป็นต้องติดตั้ง ตามสถานที่ที่กฎหมายกำหนดไว้ เช่น ในอาคารโรงงานอุตสาหกรรม อาคารสาธารณะ โรงพยาบาล ศูนย์การค้า รวมถึง บ้าน ที่พักอาศัย หากเกิดปัญหาขัดข้องในการจ่ายกระแสไฟ หรือไฟดับ อุปกรณ์ให้แสงสว่างอย่างไฟฉุกเฉิน ก็จะทำหน้าที่ให้แสงสว่างสำรอง เพื่อความปลอดภัยของทุกคนในสถานที่เหล่านั้น และการดูแลรักษา ตรวจเช็คอุปกรณ์”ไฟฉุกเฉิน “ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามเพื่อให้อุปกรณ์ต่างๆ มีความพร้อมที่จะใช้งานอยู่เสมอ โดยมีแนวทางปฏิบัติตามข้อกำหนดของ วสท. ดังต่อไปนี้

หากเป็นอุปกรณ์ไฟฉุกเฉินที่ซื้อมาติดตั้งใหม่ในอาคาร โรงงานต่างๆ ควรตั้งรอบในการดูแลรักษาระยะตาม วสท. 2004-51 ได้ทำการกำหนดไว้ คือ
- การตรวจเช็ครอบ 3 เดือน ต้องมีการตรวจสอบระบบไฟฟ้าฉุกเฉินด้วยการป้อนกระแสไฟจากแบตเตอรี่เข้าสู่หลอดไฟ LED เพื่อจำลองความล้มเหลวของการจ่ายไฟสักระยะหนึ่ง ให้แน่ใจว่าหลอดไฟสามารถทำงานอย่างเป็นปกติ และระยะเวลาทดสอบต้องไม่น้อย 30 นาที ขึ้นไป ระหว่างช่วงเวลานี้ต้องตรวจสอบระบบไฟทุกชุดด้วยตาเปล่า เพื่อให้แน่ใจว่าทำงานถูกต้อง หรือหากเป็นไฟฉุกเฉินรุ่นใหม่ อาจใช้ รีโมทคอนโทรล ในการตรวจเช็คร่วมด้วย เพื่อการทำงานที่สะดวกยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม “ระบบไฟฉุกเฉิน”รุ่นใหม่ทุกวันนี้ จะมีโปรแกรมตรวจเข็คด้วยตัวเองแบบอัตโนมัติ ที่เป็นมาตรฐานออกมาจากทางผู้ผลิต เป็นรายสัปดาห์ และรายเดือนด้วย
- การตรวจเช็คราย 1 ปี สามารถทำการตรวจสอบระบบไฟฟ้าฉุกเฉินด้วยการป้อนกระแสไฟจากแบตเตอรี่เข้าสู่หลอดไฟ LED เพื่อจำลองความล้มเหลวของการจ่ายไฟสักระยะหนึ่ง ให้แน่ใจว่าหลอดไฟทำงาน เป็นปกติดี ซึ่ง ระยะเวลาในการทดสอบต้องไม่น้อยกว่า 60 นาที ขึ้นไป ระหว่างช่วงเวลานี้ต้องตรวจสอบโคมไฟฉุกเฉินทุกชุดด้วยตาเปล่า เพื่อให้แน่ใจว่าทำงานถูกต้องด้วยเช่นกัน
นอกจากทำการทดสอบอุปกรณ์ไฟฉุกเฉินตามขั้นตอนที่ได้กล่าวถึงไปในข้างต้นแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญก็คือ ต้องทำการจ่ายไฟฟ้าปกติเข้ามาในระบบในทันที เพื่อให้แน่ใจว่า แบตเตอรี่ได้รับการประจุไฟอีกครั้งและพร้อมใช้งานอย่างสมบูรณ์

ข้อควรระวังในการดูแลรักษาอุปกรณ์ไฟฉุกเฉินที่ควรทราบ
- ในการทดสอบระบบไฟฉุกเฉิน ไม่ควรใช้ระยะเวลาเกินกว่า 1 ชั่วโมง 30 นาที เนื่องจากว่า หากเกิดความล้มเหลวของระบบจ่ายไฟปกติขึ้นหลังจากทำการทดสอบไม่นาน อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้แบตเตอรี่ไม่สามารถจ่ายไฟได้ตามระยะเวลาที่กำหนดได้
- หากระบบไฟฉุกเฉินมีปัญหา เกิดอาการขัดข้องในการใช้งานขึ้น ควรติดต่อผู้ผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้าฉุกเฉิน เพื่อให้ดำเนินการแก้ไขอย่างถูกต้อง อย่าซ่อมระบบไฟฟ้าเองเด็ดขาด
- เมื่อซื้อมาอุปกรณ์ไฟฟ้าฉุกเฉินแบบที่ยังไม่ได้ต่อขั้วแบตเตอรี่มาด้วย ก่อนทำการ ชาร์จไฟ จำเป็นต้องต่อขั้วให้เรียบร้อยก่อน เพราะหากมีการนำไปใช้งานในระยะหนึ่ง ขั้วที่ต่อกับแบตเตอรี่อาจมีฝุ่นเกิดขึ้น ก็ให้ทำความสะอาด โดยในรอบการบำรุงรักษา อาจอยู่ที่ทุกๆ 6 เดือน สำหรับอาคาร โรงงาน
- อุปกรณ์อย่างหนึ่งที่มีความสำคัญคือหลอดไฟ LED ไม่ว่าจะเป็นที่ติดตั้งตามโรงงาน อาคาร หรือบ้าน ควรทำความสะอาดโดยใช้ผ้าสะอาดเช็ดที่หลอดไฟอย่างสม่ำเสมอ
- การดูแล แบตเตอรี่หลังถอดปลั๊กไฟของอุปกรณ์ไฟฟ้าฉุกเฉิน ให้ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที หรือปล่อยทิ้งไว้จนกระทั่ง วงจรรักษาแบตเตอรี่ (Automatic Low Voltage Cut-Off System) ของระบบไฟฟ้าฉุกเฉินตัดการทำงานโดยอัตโนมัติ หลังจากตรวจเช็คเสร็จแล้ว ให้เสียบปลั๊กไฟของเครื่องไฟฉุกเฉินเข้ากับเต้าเสียบเหมือนเดิมตามปกติ เพื่อเป็นการบำรุงรักษาแบตเตอรี่ถ้าทำได้ทุกเดือนแบตเตอรี่จะใช้งานได้นาน เป็นเวลา 3-5 ปี และในกรณีที่แบตเตอรี่เสื่อม จะสังเกตได้จากลักษณะความบวมของแบตเตอรี่นั่นเอง ถ้ามีอาการบวมของแบตฯ ต้องรีบเปลี่ยนทันที อย่าปล่อยทิ้งไว้
· สรุป การบำรุงรักษาอุปกรณ์ไฟฉุกเฉินทุกรูปแบบ เช่น LED มีความสำคัญมาก ในทางกฎหมาย หลังจากติดตั้ง”ระบบไฟฉุกเฉิน” ซึ่งในข้อกำหนดเรื่องการทดสอบ ทุกๆ 3 เดือนหรือ 1 ปี ก็เพื่อให้แน่ใจว่าอุปกรณ์ที่ติดตั้ง สามารถใช้งานได้จริงเมื่อมีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้น ไม่เพียงแค่ตามโรงงานหรืออาคารสาธารณะเท่านั้น แต่ไฟฉุกเฉินตามบ้าน ก็ควรมีการทดสอบระบบและบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอเช่นกัน
